เที่ยวบาหลีด้วยตัวเอง 5 วัน 4คืน



สวัสดีครับ ห่างหายจากการรีวิวไปนานเหมือนกันครับ ปีนี้ทั้งปีคาดว่าคงไม่ค่อยมีเวลาเหมือนปีที่แล้ว งานน่าจะยุ่งทั้งปีเลย ทริปล่าสุดช่วงสงกรานต์ไปเที่ยวบาหลีด้วยตัวเองมา ก็ได้จากจองโปรตั๋วแอร์เอเชียปีที่แล้วครับ แต่ราคาที่ได้ออกจะแพงไปเยอะ แต่มือไว ใจเร็ว จ่ายตังค์ให้ไปแล้ว ก็คงต้องไปกันล่ะครับ 

ขอพาทุกท่านตามมาเที่ยวบาหลีด้วยตัวเองพร้อมกันได้เลยครับ



Bali...คือเกาะ เกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย อยู่ถัดจากเกาะชวาไปทางตะวันออก เมืองที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะชื่อ Denpasar ครับ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าไปที่สนามบินไม่มีตารางบินไปที่ Bali เพราะเขาจะใช้ชื่อปลายทางคือ Denpasar นะครับ

คนบนเกาะ 90% นับถือศาสนาฮินดู ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะหาเนื่อหมูทานลำบาก เพราะแทบทุกร้านที่ผมเข้าไปก็มีเมนูที่มาจากหมูอยู่หลายร้านครับ

การเดินทางก็มีทั้งการบินไทย และแอร์เอเชียที่พาไปถึงบาหลี โดยใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง เวลาที่บาหลีเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงครับ ดังนั้นอย่าลืมปรับเวลาเมื่อไปถึงที่นั่นด้วยครับ

ตั๋วเครื่องบินไปบาหลี(Bali) ตอนนั้นที่จองไปเมื่อปีที่แล้ว ได้ราคามา 6000 กว่าบาท ถือว่าราคาแพงเหมือนกัน เพราะเห็นหลายคนได้ราคา 3000 กว่าบาทเยอะเลยครับ ต้นทุนทริปนี้ของผมคือค่าตั๋วเครื่องบินประมาณเกือบครึ่งนึงเลยครับ

เที่ยวบิน FD3677 ออกจากสุวรรณภูมิหกโมงเช้ากับอีก 15 นาที ผมตั้งใจไปถึงสนามบินตอนตีสามครึ่ง นี่ขนาดทำเว็บเช็คอินไปแล้วนะ เพราะตอนเดือนกุมภาปีนี้เคยเข็ดกับการวิ่งขึ้นเครื่องแทบไม่ทันมาแล้วตอนไปฮ่องกง แต่ปรากฏว่ามาถึงเร็วเกินเค้าท์เตอร์ยังไม่เปิดครับ ยังไม่ไม่มีพนักงานมาเลยครับ หุหุ


พอจัดการเรื่องเช็คอินเรียบร้อยก็เดินเข้า ตม. แบบเสียวๆ ว่าคนจะเยอะ แต่ผิดคาด ด้านในไม่มีแถวต่อยาวเหยียดเหมือนที่เคยเห็น และได้ยินมา สงสัยการท่า และ ตม. คงจัดการปัญหานี้ไปได้เรียบร้อยแล้วครับ ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปนะครับ สนามบินเราจะได้มีโอกาสได้โหวตให้เป็นที่หนึ่งบ้างครับ สรุปตั้งแต่เข้าตม. มาจนถึงด้านในที่ขายของ Duty free ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ครับ

วันนี้เครื่องบินที่จะไปBali จอดที่ Gate E6 ครับ เป็นเกทที่จอดเทียบกับตัวอาคารสนามบิน ดีใจ ไม่ต้องต่อรถบัสแล้ว อิอิ


แดดยามเช้าสะท้อนผิวน้ำเป็นสีเหลืองทอง ดูแล้วสวยจริงๆ ครับ เลยจากภาพนี้ไปด้านบน พอมองเห็นปากแม่น้ำบางประกงเหมือนกันครับ แต่ไม่ชัดเท่าไหร่

ด้วยความว่าตื่นแต่เช้าคงกินอะไรไม่ลง และกลัวหิวมากตอนอยู่บนเครื่อง เลยสั่งแบบจัดหนักมาสองรายการครับ ทั้งข้าวเหนียวไก่ย่าง กับพิซซ่า ผมว่าพิซซ่าไม่เท่าไหร่ แต่ข้าวเหนียวไก่ย่างนี่อร่อยครับ มีน้ำจิ้มแจ่วด้วย นี่ถ้ามีตำปูปลาร้านะ อร่อยเหาะจริงๆ ครับ 555

ใบตรวจคนเข้าเมืองของBaliครับ มาเที่ยวที่บาหลี สำหรับคนไทยไม่ต้องขอวีซ่านะครับ แค่มี passport ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป กรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองที่แจกบนเครื่อง ก็เข้ามาเที่ยวที่บาหลีด้วยตัวเองได้แล้วครับ

นั่งๆ นอนๆ จนเกือบเบื่อแล้ว พอมองออกไปก็ไม่เห็นทะเลแล้วครับ ดูจากเวลาแล้ว คาดว่าใกล้จะถึงแล้วครับ ตอนนี้น่าจะบินอยู่เหนือเกาะชวาแน่ๆ เลยครับ

เห็นท้องฟ้าแจ่มๆ อดดีใจไม่ได้ เพราะเคยดูรีวิวหลายท่านที่มาเที่ยวบาหลีด้วยตัวเองช่วงสงกรานต์ เจอฝนกันเยอะเหมือนกันครับ แต่พอใกล้บาหลีแล้ว มีเมฆเยอะอยู่นะ เจอฝนมั้ยน้อเรา

เครื่องกำลังลดระดับ เริ่มเห็นชายหาดของบาหลีแล้วครับ สวยจังเลย
สนามบินที่บาหลี (Bali) มีชื่อเรียกว่า  Ngurah Rai International Airport น่าจะอ่านว่า งูรา ไรย์ นะครับ รันเวย์สนามบินอยู่ติดทะเลคล้ายกับสนามบินภูเก็ต พอเครื่องใกล้แตะรันเวย์เลยดูเหมือนว่าเครื่องกำลังจะลงทะเลจริงๆ แอบเสียวนิดหน่อย
แล้วเครื่องก็มาถึงสนามบินที่ Bali ตอนเที่ยงครึ่ง ดีเลย์ไปจากเดิม 1 ชั่วโมง ดีที่ว่าวันแรกผมแพลนที่เที่ยวไม่เยอะ คิดว่าก็ยังน่าจะทำเวลาได้ครับ คือวันแรกก็กะว่า จะไปแลกเงินบาหลีที่ Kuta เป็นเมืองที่ไม่ไกลสนามบินครับ ประมาณ 15 นาที แล้วก็ทานมื้อเที่ยงที่นี่เลย จากนั้นไปต่อที่วัด Uluwatu และ กลับไปนอนที่ Ubud ครับ

พอถึงก็เดินไปที่ตม. เจ้าหน้าที่ไม่พูดอะไรเลย มองหน้าแล้วก็ปั๊มตราเข้าเมือง เรียบร้อย ภายใน 1 นาที เร็วมากสุดแล้วตั้งแต่เคยเที่ยวมาครับ

ออกมาถึงด้านหน้าสนามบินก็มองหาป้ายที่เขียนชื่อผมได้เลย เพราะนัดคนขับรถมารับครับ เรื่องการเดินทางท่องเที่ยวที่นี่ มีทั้ง เช่ารถ เช่ามอเตอร์ไซด์ขับเอง หรือจ้างคนขับด้วยก็ได้ ผมอยากจะเที่ยวสบายๆ ไม่ต้องวุ่นกับการขับรถ หาเส้นทางเอง ประกอบกับได้ยินมาเยอะว่าถนนที่นี่เล็ก ขับยาก และเป็นทางขึ้นเขาเยอะ ก็เลยตัดสินใจ เช่ารถ+คนขับ+น้ำมัน (คิดเป็นเงินไทยตกวันละ 1700 บาท เองครับ)

พอเจอคนขับก็บอกให้ไปแลกเงินก่อนเลย ก่อนมาที่นี่แลกเป็นเงิน US มาก่อนครับ แล้วค่อยเอาเงิน US แลกเป็นเงินอินโดอีกที โดยทยอยๆ แลกครับ เพราะถ้าเหลือ US กลับบ้าน แลกคืนเป็นเงินไทยจะเรทดีกว่า เอาเงินอินโดมาแลกคืนครับ

อ้อลืมบอกไป ผมใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับจากเว็บนี้ครับ --> www.artabalitours.com บริการดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร ผมได้รถ Avanza ครับ

จากนั้นก็ไปกินมื้อเที่ยงที่นี่ครับ บอกคนขับให้พาไปเลย ตรงไหนอร่อย พี่คนขับก็พามาที่นี่ครับ อาหารอร่อย โดยเฉพาะน้ำอโวคาโด้ สุดยอดมากๆ ราคาก็ปานกลางครับ ไม่แพง และไม่ถูก
หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อแรกบนเกาะบาหลีแล้ว ได้เวลาคิดเงินมื้อแรกที่นี่ทานไปเบ็ดเสร็จ 447,350 rp. ครับ กินอย่างกับไฮโซแหนะ ที่ไทยทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ แต่ที่นี่ทำได้ เพราะคิดเป็นเงินไทยแล้วประมาณ 1500 บาท (ทาน 4 คน ครับ) 

10,000 rp = 33-34 บาท ครับ 

จากนั้นก็ไปเที่ยววัดแรกในบาหลีเลยครับ คือ Pura Luhur Uluwatu ครับ เป็นวัดหลักแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมหน้าผาหันหน้าออกทะเล อยู่ทางทิศใต้ของเกาะบาหลีครับ จาก Kuta มาถึงวัดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

ตอนที่จะลงมาเที่ยวที่นี่คนขับเตือนเลยครับ เรื่องลิงที่นี่ เพราะลิงจะชอบมาหยิบของที่เราเดินพกติดตัวไป ไม่ว่าจะเป็นปากกา หมวก แว่นกันแดด คืออะไรที่พอเอาได้ลิงเอาหมด บางทีรองเท้าแตะที่ใส่ยังโดนเลยครับ คือผมเห็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่งใส่รองเท้าแตะแล้วนั่งไขว่ห้าง ลิงย่องจากด้านหลังคว้ารองเท้าได้วิิงเข้าป่าไปเลยครับ แสบมากๆ

วิวสวยๆ ระหว่างทางเดินไปที่วัดครับ ดูไปคล้ายแถวออสเตรเลียเหมือนกัน อากาศร้อนเหมือนบ้านเราครับ แต่รู้สึกแดดจะแสบผิวกว่านะ

ผมว่าจริงๆ แล้วไฮไลต์ที่นี่คือวิวหน้าผากับทะเลมากกว่านะ เพราะวัดเองก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับวัดอื่นๆ ที่นี่ เห็นแต่ละคนก็ถ่ายภาพกับวิวแถวนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ถ่ายวัดกันเท่าไหร่เลย ซึ่งรวมทั้งผมด้วยครับ 555

ภาพนี้ยืมจากกล้องของคนเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยครับ นายแบบที่เห็นผมเองแหละครับ เที่ยววัดที่นี่ถ้ามีผ้าสีๆ ก็คาดเอวด้วยก็ดีครับ เป็นการแสดงความเคารพอย่างนึงของชาวฮินดูครับ ส่วนใหญ่จะมีให้ตรงทางเข้าครับ บางที่ถ้าเป็นวัดสำคัญมากๆ เห็นว่าต้องใส่โสร่ง ใส่ผ้าถุงด้วยนะครับ


ออกจากวัดนี้ก็ได้เวลากลับไปที่ Ubud ครับ ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึงเอาตอนเย็นพอดี เสียเวลาวนหาที่พักนิดหน่อย เพราะคนขับไม่รู้จักที่พักครับ ที่พักคืนนี้มีชื่อว่า Alas Petulu Cottages จองไว้เป็นบ้านพัก 2 ชั้นหนึ่งหลัง สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ครับ

หน้าบ้านที่พัก ภาพนี้ถ่ายในวันรุ่งขึ้นครับ เพราะตอนมาถึง มืดแล้วครับ

มาเริ่มที่ชั้นล่างก่อนครับว่ามีอะไรบ้าง เปิดประตูหน้ามาก็เจอห้องนอนชั้นล่างก่อนเลยครับ


จากห้องนอนชั้นล่างเดินไปด้านหลังจะเป็นทางไปสู่ห้องครัว ห้องน้ำ และบันไดขึ้นชั้นสองครับ

ห้องอาบน้ำครับ มีน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัวคนละผืน และของใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน กระดาษชำระครับ

ของใช้ที่วางอยู่ในห้องน้ำครับ


ห้องครัวครับ (ในเว็บเขียนไว้แบบนั้นครับ) มีแค่อ่างล้างจาน กับตู้ไม้เปล่าๆ เท่านั้น


ตามมาชั้นสองเลยครับ ห้องนอนชั้นสองครับ คืนนี้ผมนอนที่นี่แหละ


มีทีวีให้ด้วยครับ เปิดดูมีแต่รายการท้องถิ่นซะส่วนใหญ่ เลยปิดไว้น่าจะดีกว่าครับ


ห้องนอนชั้นสองจะมีระเบียงส่วนตัวให้ครับ แต่วิวตรงระเบียงโดนต้นไม้บังซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเห็นอะไร


เสร็จจากการเช็คอิน เก็บของ แล้วก็ออกไปหาของทานครับ ตอนแรกตั้งใจไปร้านเจ้าดังที่ Dirty Duck ถามพนักงานโรงแรมบอกว่าไม่ไกลเดินไปได้ แต่พอเดินไปตามทางที่บอก ก็ยังไม่เห็นร้านสักที เลยถามคนแถวนั้น บอกว่าเดินเลยถนนทางแยกที่จะไปที่ร้านแล้ว จากนี่ไปอีก 1 โล ฟังแล้วเพลีย เลยหาร้านอาหารนั่งทานเลยแล้วกัน ร้านอะไรก็ได้ เพราะหิวมากแล้วครับ

สรุปที่พักที่นี่ ไกลจากใจกลาง Ubud ครับ ดูแผนที่เหมือนไม่ไกล แต่พอมาเดินเองก็รู้สึกว่าไกลอยู่ครับ ถ้าไปที่ Ubud Market เิดินประมาณ 20-30 นาที แต่ถ้าจะไป Monkey Forest น่าจะเดินกัน 30-45 นาที ได้ครับ

โรงแรมมีสระน้ำให้เล่นด้วยครับ บริเวณโดยรอบเหมือนยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงครับ

วันแรกก็มีเท่านี้ครับ มาต่อกันวันที่สองเลยครับ




credit : Juone from pantip.com