เที่ยวบาหลีด้วยตัวเอง 5 วัน 4คืน วันที่สอง



มาต่อกันวันที่สองเลยครับ ตื่นมาก็เดินเล่นดูที่พักซะหน่อย เพราะเมื่อวานมาก็มืดแล้ว เลยไม่ได้เดินสำรวจอะไร วันนี้มีนัดคนขับรถตอน 8 โมงเช้า

โปรแกรมวันที่สองครับ  ดูโชว์ Barong Dance , วัด Taman Ayun , นาขั้นบันไดที่ Jatiluwih , วัด Ulun Danu Bratan , ค้างคืนที่ Lovina ครับ

A = Ubud , B = Jatiluwih , C = Lovina


บริเวณด้านหน้าที่พัก วันนี้มองไปที่ท้องฟ้า ฟ้าแจ่มมากมาย ขอให้อย่าเจอฝนนะ


อาหารเช้าจัดเป็นชุดๆ มาให้ครับ เติมไม่ได้นะ พนักงานยกมาส่งให้ถึงหน้าห้องพักเลยครับ


ได้เวลา 8 โมงคนขับก็มารอที่หน้าที่พักแล้วครับ ตรงเวลาดีมาก แต่คราวนี้เปลี่ยนคนขับเป็นตนละคนกับเมื่อวาน เห็นคนนี้บอกว่าตามแผนเที่ยวหลังจากนี้จะเ็ป็นทางขึ้นเขาลงเขาเยอะ ต้องอาศัยคนที่ขับรถชำนาญทางมากกว่า ผมก็โอเคอ่ะนะ เพราะคนนี้ก็ขับรถดีจริงๆ แต่เสียดายที่ภาษาไม่ได้เท่าไหร่ และเป็นไกด์ให้ไม่ได้

ออกจากที่พักก็พาไปชมการแสดง Barong Dance กันครับ อยู่นอกตัวเมือง Ubud ไปไม่ไกล

บริเวณด้านหน้าของที่แสดง Barong Dance ครับ

มีบทบรรยายภาษาไทยให้ด้วยครับ ทีแรกกลัวจะชมแล้วไม่รู้เรื่อง หลังจากได้อ่านไปแล้ว พอการแสดงเริ่ม ทำให้เข้าใจ แล้วชมสนุกขึ้นมากครับ
การแสดงแบบนี้ จะขาดวงดนตรีดีๆ ไม่ได้เลยครับ ทำให้การแสดงมีความรู้สึกร่วมมากครับ เพราะเล่นดนตรีได้ดุดัน ตามบทของเนื้อเรื่องที่ได้แสดงไปครับ (แต่คนตีกลองหน้าแบบว่าง่วงมากอ่ะ ไม่เข้ากับบรรยากาศการแสดงเลยครับ 555)
นักท่องเที่ยวที่มานี่สังเกตดูส่วนใหญ่มาแบบทัวร์ครับ เพราะเดินมาเป็นกลุ่มใหญ่ลงจากรถทัวร์กันมาเลย เจอทัวร์ไทยที่นี่ด้วยครับ 1 กรุ๊ป




ตัวเอกการแสดงออกมาแล้วครับ Barong เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ทีแรกเห็นหน้าดูดุร้าย นึกว่าเป็นพวกผู้ร้ายนะเนี่ย

จบการแสดงก็ออกมายืนให้ถ่ายภาพกันก่อนครับ เวลาแสดงจริงๆ เกือบชั่วโมงครับ สรุปแล้วถ้ารู้เรื่องมาก่อนถือว่าสนุกเหมือนกันครับ เนื้อเรื่องไม่ได้เครียดทั้งหมด มีช่วงเวลาแสดงคั่นตลกๆ เรียกเสียงฮาจากคนดูพอได้เลยครับ คุ้มค่ากับเวลาที่มาชมครับ


ออกจากที่นี่ก็ไปที่วัด Pura Taman Ayun ครับ ใครที่มาที่นี่มักจะต้องมาเที่ยวที่นี่แทบทุกคนครับ ที่อ่านมาพอรู้ว่าที่นี่เคยเป็นวังเก่า ของกษัตริย์ในสมัยโบราณมาก่อนครับ
สร้างในสมัยศัตวรรษที่ 17 เป็นที่ใช้ประกอบพิธีกรรมของกษัตริย์ในสมัยราชวงศ์เม็งวีครับ
โชคดีที่วันนี้ฟ้าสวยกำลังดี เลยทำให้ถ่ายภาพออกมาแล้วรู้สึกสนุกครับ แต่ร้อนเหงื่อท่วมตัวเช่นกันครับ
ออกจากที่วัดนี้ก็ 11 โมงกว่าแล้ว ตามแผนคงได้ไปทา่นมื้อเที่ยงที่นาขั้นบันได Jatiluwih ตามแผนเป๊ะๆ เลยครับ ทางที่ไปจะเริ่มขึ้นเขาลงเขา และมีโค้งหักศอกเยอะ คิดถูกแล้วที่ไม่ได้ขับเอง ตรงบริเวณ Jatiluwih เป็นที่ราบสูงที่อยู่ใกล้แนวภูเขา เลยมีอากาศเย็นสบายครับ และมีเมฆหมอกเยอะ ทำให้สดชื่นคลายร้อนขึ้นเยอะครับ
คนขับเห็นท่าทีพวกเราแล้วก็คงเดาได้ว่ากำลังประทับใจเลยจอดรถเข้าข้างทาง แล้วให้ลงมาถ่ายภาพได้ พี่เขาบอกว่า Best view. ต้องเชื่อเจ้าถิ่นครับ ตอนนั้นก็รู้สึกนะว่าเคยเห็นภาพถ่ายที่นี่ดูแล้วอลังการกว่านี้นะ แต่ก็ยังคิดไปว่าน่าจะที่เดียวกันนะแหล่ะ แค่คนละช่วงเวลา ภาพเลยอาจจะไม่เหมือนที่เคยเห็นมาอ่ะนะ
พอขึ้นรถก็คิดว่าได้เวลาไปหามื้อเที่ยงได้แล้ว เลยบอกคนขับให้หาร้านอาหารทานกันเถอะ หิวแล้ว บอกไปว่าเอาร้านที่บรรยากาศดีๆ ไม่แพงมากนัก เขาก็บอก OK ๆ ก็ขับรถลึกเข้าไปอีกจากจุดที่ชมวิวเมื่อกี้ สักพักก็มาจอดที่ร้านอาหารร้านนี้ครับ
พอลงมาเดินรอบๆ แล้วต้องอุทานขึ้นมาเลยครับ อ้าว...วิวตรงนี้สวยแจ่มกว่าตรงที่พี่จอดรถให้ลงไปก่อนหน้านี้มากมายอ่ะ ดีนะที่พี่พามาร้านนี้ นี่ถ้าขับออกไปกินที่อื่นสงสัยคงยังมาไม่ถึง Jatiluwih แน่ๆ 555
ร้านอาหารที่นี่มีทั้งบุฟเฟ่ต์ และสั่งเป็นจานๆ ดูแล้วไม่รู้สึกหิวมากเท่าไหร่ และไลน์อาหารก็ไม่ค่อยหลากหลาย เลยขอสั่งเป็นอาหารจานเดียวแทนครับ อีกอย่างยังไงก็ต้องทานบุฟเฟ่ต์กันที่ Kintamani อยู่แล้ว

น้ำอโวคาโด้ที่นี่สู้ร้านแรกที่ Kuta ไม่ได้ แต่วิวสวยกว่าขาดลอยครับ อิอิ
อิ่มเสร็จแล้วก็ไปต่อกันเลยครับ ที่หมายต่อไปคือวัดริมทะเลสาบ Bratan ครับ บรรยากาศที่ทะเลสาบครับ เห็นเรือแล้วอดตื่นเต้นกับโปรแกรมพรุ่งนี้เช้าที่ Lovina ไม่ได้ เรือคล้ายกันเลย
มาถึงที่นี่ฝนตกปรอยๆ ด้วย ในที่สุดก็เจอฝนเข้าจนได้ T T
วัดนี้มีชื่อว่า Pura Ulun Danu Bratan ครับ จะเจอภาพวัดนี้บนธนบัตรของอินโดด้วยนะครับ แสดงว่าวัดนี้มีความสำคัญมากเหมือนกันครับ
เคยอ่านเจอคำบรรยายว่า วัดนี้อยู่ริมทะเลสาบบราตัน มีภูเขาไฟสูงทะมึนเป็นฉากหลัง แต่ผมไม่เห็นเลย เจอแต่ทิวเมฆสีขาวแทน หุหุ Pura Ulun Danu Bratan สร้างขึ้นในศัตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ทำพิธีทางศาสนาฮินดู รวมทั้งอุทิศแด่เทวี ดานู หรือเทพแห่งสายน้ำครับ
จริงๆ แล้วรอบๆ วัดจะเป็นสวนที่จัดตกแต่งสวนได้สวยงามครับ แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่ได้อยู่ชมสวนต่อ เลยต้องรีบเดินจ้ำขึ้นรถเลยครับ
ที่สุดท้ายของวันนี้ก็คือ Lovina ครับ เป็นเมืองติดทะเลที่เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งก็คือ การชมปลาโลมาในตอนเช้าครับ นี่จึงเป็นเหตให้ผมต้องมาค้างคืนที่นี่ครับ 

คืนนี้พักที่ Mumbul Guesthouse โดยจองผ่านทาง Hostelworld ครับ ซึ่งพอถึงที่พักก็เสียความรู้สึกอีก คือเจอพนักงานโรงแรมแล้ว ผมก็ยื่นใบจองที่ปริ้นมาจาก email ซึ่งจองทั้งหมด 2 ห้อง แต่พนักงานทำหน้าเหวอ บอกว่า ตอนนี้เหลือแค่ ห้องเดียวเอง อ่าวซวยแล้ว ผมเลยขอพูดกับเจ้าของ เขาบอกว่าเจ้าของไม่อยู่ ไปธุระที่สุมาตรา ผมเลยขอให้น้องเขาโทรหาเจ้าของทันที และด้วยการช่วยเจรจาจากคนขับรถ และผมเองที่กดดัน จนได้ห้อง 2 ห้องมาได้ ซึ่งผมก็งงว่าทำไมทีแรกบอกว่ามีแค่ห้องเดียว 

ผมเลยไม่มีภาพที่พักมาให้ชมเลยครับ เพราะตอนนั้นหงุดหงิด และเสียอารมณ์พอสมควร พอได้ห้องแล้ว คนขับก็ถามผมเรื่องชมโลมาในตอนเช้า คือ ผมรู้แล้วหล่ะว่า พี่เขาต้องเสนอทัวร์โลมามาแน่ ซึ่งผมก็รู้สึกเกรงใจที่เขาช่วยพูดเจรจากับเจ้าของที่พักให้จนได้ห้องตามที่จองไว้ ผมเลยตอบตกลงกับทางคนขับไป มารู้ทีหลังว่าผมจ่ายแพงกว่าคนอื่น 15,000 rp. ไม่เป็นไรครับถือว่าช่วยๆ กัน หุหุ

ภาพชายหาด Lovina ครับ ออกมาเดินเล่นก็พระอาทิตย์ตกพอดี



credit : Juone from pantip.com