เจ็มบรานา (Jembrana)


 ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้  เป็นที่ตั้งของเขตเจ็มบรานา เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางทางเรือจากท่าเรือเคตาปังฝรั่งชวามายังท่าเรือกิลิมานุก (Gilimanuk)  ของเจ็มบรานา ซึ่งจะมีเรือเฟอร์รี่บริเวณอยู่ตลอดเวลา  เมืองหลวงคือเนการา (Negara)  เขตนี้เป็นเขตที่มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน เช่น บริเวณโลโลอัน (Loloan) ก็จะเป็นบริเวณที่อยู่ของชาวมาเลย์  ส่วนบริเวณทางตอนกลางของเขตก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวคริสต์  ทั้งนิกายโปรแตสแตนต์และคาทอลิก และที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปก็คือชาวพื้นเมืองของบาหลี โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทำนาปลูกข้าวดังนั้นเขตนี้จึงเป็นเขตที่มีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายมาก
นอกจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมลักษณะภูมิประเทศของเขตนี้ก็ยังมีหลายแบบด้วย ทางตอนเหนือเป็นภูเขาสูงมากมาย ซึ่งทำให้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติ ลงมาทางใต้ก็จะเป็นชายหาดที่มีความยาวกว่า 70 กิโลเมตร แต่ด้วยความที่บริเวณนี้เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน  ทำให้ทรายแถวนี้มีสีดำ  อย่างไรก็ตามมีชายหาดที่มีปะการังสวยงามอยู่ด้วย เช่น      เมเดวี (Medewi) 
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 
อุทยานแห่งชาติบาหลีตะวันตก (West Bali National Park ) 
เป็นอุทยานแห่งชาติที่กว้างใหญ่มาก  กินเนื้อที่เขตถึง 2 เขตคือ เจ็มบรานา และบูเลเล็ง  ทางเข้าอยู่ฝั่งเจ็มบรานา เป็นอุทยานที่มีความร่มรื่นและเป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่านานาชนิด  มีบรรยากาศของป่าต้นโกงกางไปจนถึงป่าทุ่งสะวันนาและป่าฝน  หากต้องการเข้าไปชม ต้องติดต่อกับสำนักงานก่อน  เพราะจะต้องมีไกด์ที่ชำนาญทางพาเดินเข้าไป
อ่าวกิลิมานุก (Gilimanuk Bay)  เป็นชายหาดที่ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก แต่ความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่นเลย  ไม่ว่าจะเป็นปะการัง  หรือหาดทรายดำและหาดทรายขาว  และป่าโกงกาง  ความงามของปะการังที่นี่ยังรอนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการดำน้ำได้ไปชม  บนชายฝั่งบริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบบาหลี ชวา มาดูเรส และบูกิส
8. บังลี (Bangli)  ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ของภูเขาไฟซึ่งตรงกันข้ามกับนาข้าวแบบขั้นบันได เป็นลักษณะภูมิประเทศของบังลี และยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลากสายในบาหลี  นักท่องเที่ยวที่เข้าสู่เขตนี้มักจะเดินทางมาจากเกียนยาร์  ซึ่งระหว่างทางก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของภูเขาที่ลาดลงมาสู่ชายทะเล  โดยมีนาข้าวขั้นบันไดตลอดสองข้างทาง
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
ปุระเคเฮน (Pura Kehen)  เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และมีขนาดใหญ่วัดหนึ่งในบาหลีมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดนเด่นไม่เหมือนใครและมีความเชื่อว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าแห่งไฟ  นักท่องเที่ยวมาเยือนบังลีก็ด้วยเหตุผลคือมาชมความงามของที่นี่  ทั้งความงามตามธรรมชาติคือต้นไทร  และสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่คือศาลาเมรุที่มีหลังคา 11 ชั้น ที่สร้างถวายพระศิวะ  รวมทั้งแท่นบูชาจำนวนมากที่สร้างถวายเทพเจ้าแห่งภูเขา เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น



ปากปล่องภูเขาไฟบาตูร์ (Batur Crater Areaบริเวณนี้เป็นปากปล่องภูเขาไฟ ที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณ 30,000 ปีมาแล้วประกอบไปด้วยหมู่บ้านเพเนโลกัน (Penelogan Batur) และคินตามณี (Kintamani) แต่ละหมู่บ้านจะมีวิวให้ชมอย่างเพลินตา รวมทั้งร้านขายผลไม้เมืองหนาวสดๆ ระหว่างทางจะพบกับ







ปุระอูลันดานูบาตูร์ (Pura Ulun Danu Batur) ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่ถือได้ว่าสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากวัดเบซากี  มีวัดรวมอยู่ภายในถึง 9 วัดนอกจากจะป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนบาหลีแล้ว บรรยากาศของที่วัดนี้ก็ยังดีมากด้วย  เพราะเนื่องจากอยู่ในที่สูงจึงมีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก



ทะเลสาบบาตรู (Batur Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี  ชาวบาหลีเชื่อว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่สถิตย์ของเทวีดานู (Dewi Danu) เจ้าหญิงแห่งทะเลสาบ  ทะเลสาบนี้เกิดจากตาน้ำ 11 แห่งรวมกัน แต่ไม่ทางน้ำไหลออกเลย  เขื่อกันว่าน้ำในทะเลสาบซึมผ่านชั้นดินและกลายไปเป็นน้ำพุที่ปรากฏในแหล่งอื่นของเกาะ อย่างไรก็ดีทะเลสาบแห่งนี้มีจุดชมวิวที่สวยๆ หลายแห่งซึ่งสามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วยนอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านริมทะเลสาบ (Trunyan Village) เป็นหมู่บ้านที่ยังนับถือผีแบบโบราณ(Bali Aga) และมีธรรมเนียมการทิ้งศพให้แห้งบนดินก่อนนำไปฝังอีกครั้งหนึ่ง















แหล่งข้อมูลจาก
- หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา บาหลี หนังสือในเครือ เที่ยวรอบโลก
- รูปภาพโดย www.tripdeedee.com